「โพสต์เฉพาะกิจ」คุยจับประเด็นเดเระอนิ 24 ~ Barefoot Girl ~

สวัสดีครับ

โพสต์นี้เป็นโพสต์เฉพาะกิจ เพื่อพูดคุยและจับประเด็น รวมถึงสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเดเระอนิตอนที่ 24 ที่พึ่งฉายจบไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเป็นโพสต์ที่ได้รับความร่วมมือช่วยเสนอมุมมองจากโปรดิวเซอร์ที่ตามผลงานซินเดอเรลล่าเกิร์ลส์หลายท่านด้วยกัน ซึ่งในแต่ละประเด็นจะช่วยตอบคำถามในสิ่งที่น่าสนใจ รวมถึงเหตุผลต่างๆ และการสอดแทรกสัญลักษณ์สำคัญภายในตอนที่ 24 นี้ด้วย โดยจะแทรกชื่อโปรดิวเซอร์แต่ละท่านไว้ด้านหน้าครับ


สิ่งที่ทำให้เวทมนตร์ของอุซึกินั้นหายไป

Screen Shot 2015-10-05 at 20.56.55

:::::

RinsisP: ส่วนตัวจากที่ดูมาเหมือนอุซึกิจะเป็นคนเดียวที่เหมือนไม่ได้รับเวทมนตร์นะ ไม่สิ ไม่รู้สึกถึงเวทมนตร์ในตัวเองมากกว่า คือถ้านับว่าตอนจบซีซั่น 1 ตอนที่ 13 คือนางซินทุกคนได้รับเวทย์มนต์แล้วเพื่อไปเป็นเจ้าหญิงในงานเต้นรำ อุซึกิดูเหมือนจะรู้สึกว่าเวทย์มนต์นี้มันเหมือนความฝันอยู่ไม่ใช่ความจริง ซึ่งจริงๆมันได้เกิดขึ้นแล้ว คือตอน 13 อุซึกิยังพูดอยู่ว่าเหมือนความฝันอยู่เลย ทั้งๆที่คนอื่นเหมือนจะรับรู้แล้วว่าไม่ใช่

lordcrimsonP: ผมว่าเวทมนต์ในตัวอุซึกิไม่ได้หายไป แค่เห็นเวทมนต์ของคนอื่นเปล่งประกายเจิดจ้ากว่า เลยไม่เห็นว่าตัวเองก็มีเวทมนต์ที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว

000pyo: ของผมมองว่า มนต์มันเสื่อมไปตามเวลา แต่ตั้งแต่ช่วงที่มนต์ยังไม่เสื่อม อุซึกิก็เห็นเพื่อนๆรอบตัว(ที่มีมนต์หลังเที่ยงคืนแล้ว)เจิศจรัสกันมาก แล้วหันกลับมามองตัวเอง แต่กลับไม่พบจุดนั้น เลยยิ่งรู้สึกว่าต้องพยายาม แต่ถ้าเกิดพยายามแล้วก็ยังไม่เจอล่ะ? ยังไม่มีอะไรล่ะ? ไปๆมาๆเลยยิ่งลงเหว

46P: จริงๆ ถ้าไม่ไปตีความเรื่องเวทมนต์อะไรนั้น มองแบบเรียลๆ ในขณะที่คนอื่นกำลังก้าวไปข้างหน้าด้วยความสามารถ ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น อุสึกิมามองตัวเองแล้วก็เสียความมั่นใจ เพราะตัวเองไม่มีอะไรเลย แค่ยิ้มใครๆ ก็ทำได้ เลยต้องหลอกตัวเองว่าต้องพยายามมากกว่านี้ แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งกลัว ถ้าเกิดพยายามแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมาละ พยายามแล้วก็ยังไล่ตามคนอื่นไม่ทันละ สุดท้ายก็จมอยู่กับวังวนความคิดตัวเอง กลายเป็นยืนกับที่ และค่อยๆ ถอยหลัง

:::::

เพราะแสงที่ตัวเองวิ่งตามนั้นเจิดจรัศจนทำให้สิ่งที่ส่องประกายในตัวเองกลายเป็นเพียงเงาหมอง กลายเป็นเพียงสิ่งที่โดนเมฆหมอกบังจนมองไม่เห็น และอุสึกิที่ยังคงวิ่งตามเพื่อน วิ่งตามแสงส่องสว่างเหล่านั้นไปเรื่อยๆ จึงไม่แม้แต่จะได้กลับมามองแสงที่อยู่ในตัวเอง ความมั่นใจที่เคยเกิดขึ้นจากการพยายามด้วยตัวเองมาตลอดจึงหายไป เวทมนตร์ที่ได้ร่ายขึ้นมาให้ตนเองเมื่อครั้งที่พบกับโปรดิวเซอร์ เมื่อครั้งที่เดบิวท์สำเร็จจึงจางหายไป เวลาแห่งมนตราของซินเดอเรลล่ากำลังหมดลง

:::::

บทบาทของรินและมิโอะในฐานะ New Generations

Screen Shot 2015-10-05 at 21.12.31

:::::

lordcrimsonP: รินนี่เหมือนเห็นคนสำคัญที่ทำให้ตัวเองมีทุกวันนี้สูญเสียเส้นทางไป พออยากจะช่วยก็เหมือนจะพูดไม่เก่ง เลยใส่อารมณ์มากไปจากที่เห็นตอนที 23-24 แล้วก็ได้โปรดิวเซอร์กับประสบการณ์ที่ไปออกไปรับงานเดี่ยวเพิ่มช่วยประสานรินกับอุซึกิ

000pyo: ขอโควทคำพูดฟูรินมา ว่ารินเนี่ยชอบอุซึกิมาก พอเป็นเรื่องอุซึกิแล้ว รินจะทำตัวเป็นเหมือนเด็กๆ (ก็เด็กน่ะแหละ)

sakuhanachan*: ถ้ามองเป็นทางสายนึง รินกับมิโอะคือคนที่ยืนรออุซึกิอยู่ที่ปลายทาง

Screen Shot 2015-10-05 at 21.12.12

noelP: มิโอะนี่ผมมองเห็นพัฒนาการชัดอย่างนึง เพราะเป็นคนที่เคยผิดหวังจากการก้าวเกินไปเพียงแค่ก้าวเดียว ในตอน 23-24 เห็นชัดเลยว่ามิโอะเปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นสาย Active Leader เลยกลายเป็น Support Leader ไปแทน คอยเชื่อมคนอื่นเข้าด้วยกัน จูงมือเดินไปด้วยกันมากกว่าจะเดินนำเป็นทางให้คนอื่นตาม

AerialP: ในตอน 23 ผมให้รินมิโอะเป็นเจ้าชายที่ออกไปตามหาซินเดอเรลล่าที่ออกจากงานเลี้ยง เพราะท้าย 22 ซินเดอเรลล่าออกจากงานเต้นรำก่อนเวลา(ให้กลับก่อนหมดเวลางาน) ในตอน 24 พีค่อยเป็นเจ้าชายบ้างด้วยการไปรับที่ รร. และส่วนตัวมันคล้ายข้อสงสัยผมด้วย นอกจากการเติบโตของตัวละคร คือในดราม่าแทรคของเกม อุซึกิกับรินนี่สนิทกันมาก สกินชิพก็บ่อย มิโอะแซวบ้างแจมบ้าง แต่ในเมะดูห่างๆ ก็เพราะเมะยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันจริงๆ ตอนทะเลาะกันยังไม่ได้พูดอะไรออกไปตรงๆเลย ทั้งรินที่ไม่พูดเรื่องไปไทรแอดให้ชัด ชิมามู่ไม่ออกความเห็นอะไร พอผ่านอะไรหลายๆอย่างถึงได้เหมือนเป็นเพื่อนกันในความหมายจริงๆแบบในเกม

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.12.24

เมื่อตัวคนเดียวไม่สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้ ทั้งรินและมิโอะที่เคยผ่านพ้นความสับสนในตัวเองมาก่อนจึงได้เห็นภาพสะท้อนของตัวเองในอุซึกิ เมื่อตอนที่ตนเองนั้นยังไม่ได้เดบิวท์ ยังไม่ใช่ไอดอล และยังไม่ใช่เจ้าหญิง สิ่งที่อุซึกิทำคือรอ รอคอยเธอ รอให้โอกาสเธอ และรอต้อนรับเจ้าหญิงให้กลับสู่ปราสาทอีกครั้ง แต่ตอนนี้เจ้าหญิงของพวกเธอกำลังประสบกับทางเดินที่เต็มไปด้วยขวากหนาม และเวทมนตร์ของซินเดอเรลล่าที่เสื่อมลงเรื่อยๆ พวกเธอจึงต้องเป็นเจ้าชาย ออกเดินตามหาเจ้าหญิง และทำให้เวทมนตร์ของเธอกลับมาอีกครั้ง รอคอยเธอให้กลับมาอย่างสง่างามอีกหน

ทั้งสองคนจึงเชื่อมั่นและเชื่อใจในตัวอุซึกิ ว่าอุซึกินั้นจะต้องเปล่งประกายได้เช่นเดียวกับพวกเธอทั้งสองคน เพราะรอยยิ้มของอุซึกิคือรอยยิ้มที่จุดประกายในตัวพวกเธอ เป็นรอยยิ้มที่นำพาพวกเธอมาสู่ปัจจุบันนี้ เป็นรอยยิ้มที่ร่ายเวทมนตร์ซินเดอเรลล่าให้แก่พวกเธอ

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.53.04

สต๊าฟและผู้กำกับต้องการจะสื่อให้เห็นถึงความบอบบางของนิสัยตัวละครที่เป็นเด็กผู้หญิง ต้องมีช่วงเวลาที่สับสนบ้าง มีช่วงเวลาที่หลงทางบ้าง แต่กระนั้นก็ยังคงรักษาลักษณะและอุปนิสัยแต่ละคนเอาไว้คงเดิม ตัวอย่างคือรินที่ถึงแม้อยากจะพูดความในใจของตัวเองให้อุซึกิฟังในตอนที่ 23 ขนาดไหนก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ และจบลงที่การใส่อารมณ์ของตัวเองลงไปแทน ในขณะที่มิโอะพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเพื่อรักษากำลังใจให้เพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะพูดปลอบโยนว่าพวกเธอทั้งสามคนยังคงเริ่มต้นเป็นเพื่อนกันใหม่ได้ เป็นคนที่สามารถเปิดอกพูดคุยกันด้วยความในใจของตัวเองได้

AerialP: คือตลอดมานิวเจนแทบไม่พูดอะไรจากใจจริงกันชัดเจนเลย รินก็อ้ำอึ้งเรื่องไปไทรแอด มิโอะเลยบอกว่าให้เริ่มเป็นเพื่อนที่สามารถเปิดอกคุยความในใจกันได้มากกว่า เพราะตอน 23 ทั้งรินทั้งชิมามู่ก็ยอมพูดความในใจของตัวเองออกมาหมดเปลือก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการที่จะเป็นเพื่อนที่แท้จริง

RenonP: อย่างที่ๆหลายๆคนบอก ไทม์ไลน์เดเระอนิมันเป็นช่วงก่อน CP เดบิวท์ พวกรุ่นพี่ก็ยังมีอะไรที่ไม่เคลียร์ในส่วนนี้สต๊าฟจัดให้หมด เหล่าแฟนๆ เลยเข้าใจจุดนี้ยิ่งขึ้น อีกอย่างต้องชม ผกก ทาคาโอะ ที่เข้าใจหัวอกคนเป็น ผญ จัดเต็มทุกอารมณ์ของสาวน้อย เพราะสาวๆแต่ละคน ย่อมมีความคิดความต่าง การเติบโตไม่เหมือนกัน บางคนไปไกลได้ มีพรสวรรค์ บางคนเจออุปสรรค์เยอะอย่างโซระๆ การสื่อของเดเระอนิจึงออกแนวเรียลไอดอลแบบนี้เช่นเดียวกัน

:::::

ใจความสำคัญในคำพูดของโปรดิวเซอร์

Screen Shot 2015-10-05 at 21.48.56

:::::

เพราะพีเน้นคำว่า “อนาตะดาเคะ โนะ เอกาโอะ” ซึ่งหมายถึง “รอยยิ้มของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”

lookmouP: เราว่ามันเหมือน “ถ้าไม่เชื่อในตัวเอง ก็เชื่อในตัวผมที่เชื่อคุณสิ” อารมณ์ประมาณนี้ คืออยากให้อุซึกิมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ให้อุซึกิรับรู้ว่ามีคนที่เชื่อใจในตัวเธอ มีคนที่เห็นความเป็นไปได้ในตัวเธอ และเชื่อว่าเธอเองก็เปล่งประกายได้ด้วยจุดเด่นของตัวเธอเองคนเดียวเช่นกัน

RinsisP: การตั้งจุดสังเกตไปที่ว่าทำไมพีถึงเลือกอุซึกิมา เพราะตอนนั้นเหมือนอุซึกิขาดความมั่นใจตัวเองและหลายๆอย่างพีเลยอยากบอกว่าตั้งแต่วันนั้นที่จัดงาน พีมองเห็นความเป็นไปได้ของทั้ง 3 คน จึงได้เลือกอุซึกิมาเป็น NG

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.52.19

AerialP: ส่วนตัวผมว่าปมอุซึกิจริงๆเริ่มตั้งแต่ตอน 2 ด้วยซ้ำ ที่รู้ว่าพีสเกาท์ทั้งรินกับมิโอะด้วยเหตุผลเรื่องรอยยิ้ม ทำให้อุซึกิคิดว่ารอยยิ้มตัวเองใครๆก็ทำได้ พีเลยมาบอกตอนนี้ว่ารอยยิ้มของอุซึกิพิเศษกว่าใคร มันช่วยทั้งรินทั้งมิโอะ รวมถึงช่วยตัวพีเองด้วย ดังนั้น เหตุผลคือ “รอยยิ้มของคุณเท่านั้น” คือนอกจากจะช่วยเรื่องความมั่นใจ ยังช่วยให้ชิมามู่เลิกคิดว่ารอยยิ้มของตัวเองเป็นของธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ ดูจากแฟลชแบคก็ได้ มีตอนพีวิ่งฝ่าฝนไปตามหามิโอะ แสดงให้เห็นว่ารอยยิ้มชิมามู่สำคัญกับพีขนาดไหน

RenonP: อุสึกิที่สูญเสียความเชื่อมั่นในรอยยิ้มของตัวเอง แต่พียังยืนกรานที่จะบอกว่า เพราะรอยยิ้มของเธอ ทำให้นิวเจนมีได้ทุกวันนี้ คุณไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ทุกคนรวมทั้งผม เชื่อมั่นในรอยยิ้มของคุณ

:::::

ความหมายที่ซ่อนอยู่ของการที่อุซึกิขึ้นเวทีในชุดนักเรียน

Screen Shot 2015-10-05 at 21.08.53

:::::

000pyo: มีสองส่วน ส่วนหนึ่งคือ เพราะอุทสึกิมาช้า เปลี่ยนชุดไม่ทัน แต่ถามว่าทำไม ตรงนี้ผมมองว่า เพราะสต๊าฟคงจะให้คนดูเห็นว่า อุซึกิเป็นเด็กสาวธรรมดา เป็นใครเจอปัญหานี้ หมดความมั่นใจตรงนี้ไป ก็ไม่ได้จะเป็นซุปเปอร์ไซย่า ที่ตัดสินใจปุ๊บแล้วหายจากเมนทัลเต้าหู้ได้ กว่าจะเค้นเอาความกล้า และตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย วิ่งไปเวทีทั้งๆ ยังกังวลกับปัญหาอยู่ อีกส่วนหนึ่งคือ เพราะเวลามันเลยเที่ยงคืน มนต์คลายแล้ว การใส่ชุดนักเรียนแสดงถึงการกลับกลายเป็นเด็กสาวธรรมดา แล้วขึ้นเวทีไปพร้อมเปล่งประกายด้วยชุดนักเรียนพร้อมรอยยิ้ม เปรียบเสมือนการที่อุตสึกิ ค้นพบ “มนต์หลังเที่ยงคืน” ของตนเอง ที่จะทำให้เจิศจรัสได้ แม้ไร้มนต์จากนางฟ้า ตรงสไมลิ่งนี้นาฬิกาจะไม่มีเข็ม เปรียบว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เจิศจรัสได้ จากเท้าของตัวเอง

AerialP:  มันเป็นสัญลักษณ์เชิงเปรียบเทียบว่าชุดไอดอลคือเวทย์มนตร์ ดังนั้นอุซึกิที่ขึ้นทั้งชุดนักเรียนมันแสดงให้เห็นว่าถึงไม่มีเวทย์มนตร์ เธอก็ส่องประกายได้ เหมือนซินเดอเรลล่าที่ไม่ได้ใส่ชุดเดรสแล้ว แต่เจ้าชายก็ตามหาเจอน่ะแหละ

Screen Shot 2015-10-05 at 21.07.06

บุฟเฟ่ต์P: ความหมายของชุดนักเรียนคือ “จงเป็นตัวเอง”

:::::

เหตุผลที่ต้องเป็นเพลง S(mile)ING!

Screen Shot 2015-10-05 at 21.09.22

:::::

憧れてた場所を
สถานที่อันเป็นที่ใฝ่ฝัน
ただ遠くから見ていた
ทำได้เพียงแค่มองจากที่ไกลๆ

隣に並ぶ みんなは
ทุกๆคนที่เรียงร้อยอยู่รอบข้าง
まぶしく きらめく ダイアモンド
ต่างเจิศจรัศแสงแยงตาดั่งเพชร

スポットライトに Dive!
พุ่งเข้าสู่ Spotlight
私らしさ 光る Voice!
ด้วยเสียงที่ส่องสว่างแบบฉัน
聞いてほしいんだ おっきな夢とメロディ
อยากจะให้ได้ฟัง ท่วงทำนองและความฝันอันยิ่งใหญ่

さあ クヨクヨに 今 サヨナラ
เอาล่ะ ตอนนี้ได้เวลาบอกลาความกังวลลังเลใจแล้ว

Go!もうくじけない
GO! ฉันจะไม่อ่อนแออีกแล้ว
もっと光ると誓うよ
ขอสาบานว่าจะส่องสว่างยิ่งกว่านี้
未来にゆびきりして
ขอสัญญาเกี่ยวก้อยกับอนาคต

Fly!「今さら」なんてない
Fly! ไม่มีว่า “มาเอาป่านนี้”
ずっと Smiling!Singing!Dancing! All my love!
จะ Smiling! Singing ! Dancing ! สุดความรักตลอดไป!

ゆっくりでもいいよ
ถึงแม้จะค่อยๆก็ไม่เป็นไร
でも歩き続けるんだ
แต่จะขอก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป

今はまだ 真っ白だけど
แม้ตอนนี้จะยังขาวสนิท
見てほしい 知ってほしい みんなに
แต่ก็อยากให้ทุกคนได้มองและรับรู้ตัวฉันในตอนนี้

フラッシュの中 Pose!
Pose! ท่ามกลางแสงแฟลช
私らしく 光れ Choice!
จงส่องสว่างด้วยตัวเลือกแบบของฉัน!
伝えたいんだ ちっちゃなこだわりがラブ
อยากจะบอกให้รู้ ว่าความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆนี้คือความรัก

ほら カラフルに 今 ヨロシク
นี่ไง กลายมามีสีสัน ตั้งแต่นี้ก็ขอฝากตัวด้วย

Shoot!きめるしかない
Shoot ! ต้องตัดสินใจเท่านั้นแล้วล่ะ
きっと 主役を掴むよ
จะต้องคว้า”ตัวเอก”ไว้ได้แน่นอน
チャンスにウインクをして
กระพริบตาให้กับโอกาสที่ลอยมา

Move!「やり過ぎ」なんてない
Move ! ไม่มีอะไรที่ “ทำมากเกินไป”หรอก
もっと Dreming!Hoping!For my future!
จะ Dreaming ! Hoping! For my future ! ยิ่งขึ้นไปอีก  

憧れじゃ終わらせない
สิ่งที่ใฝ่ฝันจะไม่ยอมให้มันจบลง
一歩 近づくんだ
แต่จะค่อยๆขยับเข้าใกล้ไปทีละก้าว

さあ 今
เอาล่ะ ในตอนนี้

Bye!涙はいらない
Bye ! ฉันไม่ต้องการน้ำตาแล้ว
明日の笑顔 願おう
จะภาวนาให้ร้อยยิ้มของวันพรุ่งนี้
努力にキスをして
และจูมพิตให้กับความพยายาม

Hey!「ありえない」なんてない
Hey ! ไม่มีอะไรที่ “เป็นไปไม่ได้” หรอก
もっと Dreaming!Hoping!For my future!

Rise!もう諦めない
Rise ! จะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว
昨日 凹んで寝込んだ 自分とゆびきりして
จะขอเกี่ยวก้อยสัญญากับตัวเองที่นอนซมเมื่อวาน

Live!「おしまい」なんてない
Live ! ไม่มีหรอกที่”มันจะจบแล้ว”
ずっと Smiling!Singing!Dancing! All my …!
จะขอ Smiling! Singing! Dancing! All my…!

愛をこめて ずっと 歌うよ!
ร้องเพลงด้วยความรักทั้งหมดที่ฉันมีตลอดไป

(ซับนรกโดย 000pyo)

:::::

RenonP: คำตอบอยู่ในเนื้อเพลงแล้ว

AerialP: ตามที่ผมเคยเขียนไป ตัวตนทั้งหมดของอุซึกิในเดเระอนิ ถูกรวมอยู่ในเพลงนี้ จะบอกว่าปมทั้งหมดในอนิเม เขียนมาเพื่อเพลงนี้ก็ไม่เกินไป

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.09.40

เนื้อเพลงของ S(mile)ING! ที่ถูกร้องในตอนที่ 24 ก็เหมือนกับการสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวอุซึกิ และรอบตัวอุซึกิ เนื้อเพลงแต่ละท่อนได้บ่งบอกถึงตัวตนของเธอ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เธอได้พบเจอในแต่ละตอนของอนิเม อีกทั้งยังอธิบายที่มาของชื่อตอน Barefoot Girl ได้ชัดเจน

นอกจากนี้เวอร์ชั่นที่ร้องในอนิเมตอนที่ 24 ยังเป็นเวอร์ชั่นที่อัดขึ้นใหม่ ไม่ใช่เสียงเดียวกับที่เคยออกขายในแผ่นมาก่อนหน้านี้

:::::

000pyo: เดเระอนิเป็นทั้งสไมลิ่ง ทั้งเนบะเนบะ และสามดาวอยู่ในตัวเดียวกัน

AerialP: เนบะเนบะพูดถึงการเดินไปหาอนาคต ก็เหมือนกับการที่รินตามหาบางสิ่งบางอย่างจาก Triad Primus ส่วนสามดาวของมิโอะอาจจะเปรียบเทียบยากหน่อยเพราะกระจัดกระจาย แต่การที่มิโอะลุกขึ้นมาอีกครั้งจากที่ล้มไป การตัดสินใจรับงานเดี่ยวเพิ่มของมิโอะ นิสัยที่เปลี่ยนไป รวมถึงการปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ให้ทำพลาดในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ก็อธิบายได้จากเพลงสามดาวด้วย

:::::

สัญลักษณ์อื่นๆ ที่ปรากฎในตอน

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.03.02

Screen Shot 2015-10-05 at 21.06.41

“ก้าว” ที่สำคัญของอุซึกิ

ในช่วงตอนก่อนหน้านี้ตั้งแต่การตัดสินใจร่วมกับ Triad Primus ของริน ไปจนถึงการรับงานเดี่ยวของมิโอะ ในเดเระอนิตอนที่ 21 ทั้งสองคนได้มีฉากในเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงการ “ก้าว” ไปข้างหน้าของทั้งสองคน ในขณะที่เปรียบเทียบกับอุซึกิที่ยังคงยืนอยู่กับที่ และในฉากที่อุซึกิยืนคุยกับรินบนสะพานลอยในตอนเดียวกันนั้น อุซึกิยืนอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าริน

ตอนที่ 24 จึงมีซีนที่แสดงให้เห็นชัดเจนถึงการก้าว การที่อุซึกิตัดสินใจค้นหาแสงที่มีอยู่ในตัวเอง ก็เหมือนกับการที่เธอได้ก้าวไปข้างหน้าแล้วหนึ่งก้าวนั่นเอง

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.09.50

จุดเชื่อมโยงระหว่างตอนที่ 1 และตอนที่ 24

คุณทาคาโอะผู้กำกับของเดเระอนิได้ทิ้งสัญลักษณ์ แฟล็ก รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างตอนแรกสุดกับตอนที่ 24 เอาไว้มากมาย โดยตัวอย่างภาพด้านบนนั้นซ้อนทับกับตอนที่รินถูกชักชวนให้เข้ามาสู่ซินเดอเรลล่าโปรเจคท์ โดยมีอุซึกิพร้อมรอยยิ้มของเธอยืนอยู่ตรงตำแหน่งเดียวกับรินในปัจจุบัน และมีโปรดิวเซอร์ยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกัน

ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงในตอนแรกที่มีเพียงอุซึกิลำพัง เปรียบเทียบกับปัจจุบันที่เธอมีเพื่อนที่เชื่อใจในตัวเธออยู่อีกมากมาย คอยให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.14.29

Screen Shot 2015-10-05 at 21.14.48

Screen Shot 2015-10-05 at 21.15.08

Screen Shot 2015-10-05 at 21.15.38

การพบเจอของทั้งสามคน โปรดิวเซอร์ และรองเท้าแก้ว

โปรดิวเซอร์บอกกับอุซึกิในตอนที่ 24 เอาไว้ว่าเขาพบเห็นความไปได้ในตัวเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ตัดสินใจเลือกเธอเข้ามาสู่ซินเดอเรลล่าโปรเจคท์ และเลือกเธอเข้าเป็นสมาชิกของ New Generations  และอุซึกิยังบอกโปรดิวเซอร์ว่าเธอเองเคยพบทั้งรินและมิโอะมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย

จุดเชื่อมโยงทั้งหมดเกิดขึ้นในเหตุการณ์ต้นตอนที่ 1 ของเดเระอนิ ตอนที่อุซึกิพลัดทำรองเท้าแก้วตกบันได โดยมีโปรดิวเซอร์หยิบรองเท้าแก้วกลับขึ้นมา ในซีนที่โปรดิวเซอร์คุยกับอุซึกิในสถานที่เดียวกันนั้นก็เหมือนกับการที่เจ้าชายหยิบรองเท้าแก้วกลับมาสวมให้เด็กสาวธรรมดาได้กลายเป็นเจ้าหญิงอีกครั้ง

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.09.06

นาฬิกาไร้เข็ม

ฉากนี้ไม่มีอะไรลึกซึ้งมาก แค่สื่อว่าเพราะอุซึกิค้นพบเวทมนตร์หลังเที่ยงคืนของตนเอง สิ่งที่เปล่งประกายอยู่ด้วยตนเองแล้ว เธอจึงไม่ต้องพึ่งเวทมนตร์ของซินเดอเรลล่า หรือเวทมนตร์ของนางฟ้าใดๆ อีกต่อไป และนาฬิกาไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะแม้เวลาจะเลยเที่ยงคืนไป แต่เธอก็ยังคงเป็นเจ้าหญิงได้ด้วยตัวของเธอ

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 21.08.23

การเผชิญหน้ากับตนเอง

ฉากนี้เปรียบเทียบกับการรวมการ์ดใบเดียวกันสองใบในเกมโมบามาส ซึ่งระบุว่าเป็นการเผชิญหน้ากับตัวตนของตัวเอง ก่อนที่การ์ดสองใบจะรวมกันแล้วกลายเป็นการ์ด + โดยภาพบนการ์ดจากเดิมที่ปกติจะใส่ชุดนักเรียน ชุดไปรเวท หรือชุดประจำตัวไอดอลคนนั้นๆ แต่เมื่อกลายเป็นการ์ด + แล้วจะใส่ชุดไอดอล ชุดที่ขึ้นแสดงบนเวทีอยู่เสมอ ก็เหมือนกับการเผชิญหน้าตัวเองสำเร็จ แล้วขึ้นสู่เวทีพร้อมเปล่งประกายนั่นเอง

:::::

Screen Shot 2015-10-05 at 20.57.42

ความหมายที่แท้จริงของ *(Asterisk)

หรือก็คือตูดแมวนั่นเอง

:::::


จบแล้วสำหรับโพสต์ยาวอลังการมโหฬารอันนี้

สัปดาห์ต่อไปก็ชมรายการพิเศษกันไปก่อน แล้วค่อยไปพี้ขวด พี้กระป๋องกันในตอนจบของเดเระอนิ

สำหรับตอนนี้ราตรีสวัสดิ์ ง่วงมากครับ

5 thoughts on “「โพสต์เฉพาะกิจ」คุยจับประเด็นเดเระอนิ 24 ~ Barefoot Girl ~

  1. ดีใจแฮะที่เห็นผีไทยรวมหัวเค้นสมองกันเขียนอะไรแบบนี้ขึ้นมา (แบบไม่มโนมั่วถั่ว) อ่านเพลินสนุกมากค่ะ

    ตัวเดเระอนิเองแม้กระทั่งเดเระผีบางคนยังไม่ชอบนะ คือมันก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ส่วนตัวเห็นด้วยกับความเห็นที่บอกว่าบท สัญลักษณ์มันลึกซึ้ง ต้องใช้ความคิดวิเคราะห์เยอะเกินไป มันอาจจะดีตรงทำให้คนดูรู้สึกสนุกกับการค้นหาและกระตุ้นให้ตั้งใจดูได้ แต่ก็เป็นดาบสองคมทำร้ายทีมงานได้อีกเพราะคนดูประเภทที่ดูแบบผ่านๆ ไม่ใส่ใจ เข้าไม่ถึงก็มี

    โดยส่วนตัวเอนออกไปอย่างหลังเล็กน้อย (ฮา) อย่างมูฟวี่มาสดูรอบแรกนี่ค่อนข้างผิดหวังนะ คือไม่เข้าใจว่าจะสื่ออะไรกันแน่ แต่พออ่านบทวิเคราะห์ของผีคนอื่น อ่านสัมภาษณ์โกริซังแล้วดูอีกทีเท่านั้นแหละ รู้สึกจุกในอกมาก เข้าใจขึ้นเยอะจากการที่ ผกก.ออกมาเคลียร์ปมเอง บทที่ดีจริงๆ ควรเข้าใจง่ายๆ ได้เลยโดยไม่ต้องชี้แจงหรืออธิบายแต่ก็ขาดความลึกซึ้ง ขาดมิติอีก…..ยากจัง….

    Liked by 2 people

  2. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
    ตีความได้เหมือนที่ผมคิดไว้เล่นๆ เลย แต่ดีกว่าเยอะมาก
    ยอมรับว่าทีมอนิเมและผู้กำกับเก่งกันมาก ผมเป็นพวกชอบอะไรที่แฝงความหมายนิดๆ ด้วย

    Like

Leave a comment